
ศึก UFC ระเบิดศึกการต่อสู้อีเว้นท์สุดท้ายของปี 2020 ที่มาในชื่อ UFC Fight Night: Thomson vs Neal โดยคู่เอกของรายการมาในพิกัดรุ่นเวลเตอร์เวทระหว่าง “วันเดอร์บอย” สตีเฟน ธอมป์สัน พบกับ เพื่อนร่วมชาติอย่าง “แฮนด์ ออฟ สตีล” จีออฟ นีล โดยเกมการต่อสู้
ทั้งสองยืนปักหลักประลองพลังหมัดกันตั้งแต่ยกแรก และเน้นการต่อสู้วงนอก ซึ่ง นีล เป็นฝ่ายเดินบดเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม
อย่างไรก็ตาม ธอมป์สัน อาศัยจังหวะดักต่อยลำตัวสลับใบหน้าที่ชัดเจนกว่า จนทำเอาเลือดกำเดาของ นีล ทะลักออกมาตั้งแต่ยกที่ 3 หลังจากนั้น ธอมป์สัน ก็คุมจังหวะดักต่อย ได้อย่างจะแจ้ง แต่เนื่องจากเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ จึงไม่สามารถส่ง นีล ลงไปนอนกับพื้นเวทีได้ ครบ 5 ยก กรรมการรวมคะแนนก่อนชูมือให้ “วันเดอร์บอย” สตีเฟน ธอมป์สัน
เอาชนะคะแนน จีออฟ นีล ไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ เพิ่มสถิติเป็น ชนะ 16 แพ้ 4
หลังปราบ นีล ได้ ธอมป์สัน ได้พูดถึงผลงานของตัวเอง และอาการบาดเจ็บของตัวเองว่า “ทุกการต่อสู้ คุณจะมีอาการบาดเจ็บ
แต่คุณสามารถเจ็บได้ในภายหลัง นั่นคือสิ่งที่คุณฝึกฝนมา ผมต่อสู้มาตั้งแต่อายุ 15 ปี การกระแทกและรอยฟกช้ำในระหว่างการต่อสู้ มันทำให้คุณไม่รู้สึกอะไร ผมรู้สึกดีมาก จีออฟ นีีล แข็งแกร่งมาก
ทุกครั้งที่ผมต่อยเขา เหมือนผมต่อยก้อนหิน เขายังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ผมมีความสุขมากกับผลงานในไฟต์นี้ แม้จะมีอาการบาดเจ็บก็ตามแต่ผมรู้สึกดีมาก”
มากันที่รองคู่เอกของรายการ เป็นการต่อสู้ในรุ่นแบนตัมเวท กำหนด 3 ยก ระหว่าง โจเซ อัลโด จอมระห่ำจากบราซิล
ดีกรีอดีตแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวท 2 สมัย ที่แพ้มา 3 ไฟต์รวดพบกับ มาร์ลอน เวรา นักสู้ตัวอันตรายจาดเอกวาดอร์ แรงกิ้งอันดับ 15 ที่ยังไม่เคยแพ้น็อกหรือแพ้ซับมิทชันให้กับใคร