จ้วงเดียวไม่เคยพอ : ทำไมแม้กระทั่งนักกีฬาระดับโลกจึงหยุดเสพติด “”น้ำหนักของผมเพิ่มขึ้น 14 กิโลกรัมในเวลา 7 เดือน ผมซดนูเทลล่าจากขวดเลย ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”” ไม่ได้


“น้ำหนักของผมเพิ่มขึ้น 14 กิโลกรัมในเวลา 7 เดือน ผมซดนูเทลล่าจากขวดเลย ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”

 

นี่คือสิ่งที่ “ปีเตอร์แพน” อันโตนิโอ คาสซาโน โกลเดนบอยของวงการฟุตบอลอิตาลี พูดถึงสาเหตุที่ชีวิตการค้าแข้งของเขาเริ่มตกต่ำนับตั้งแต่ย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ในช่วงปี 2006 และเขาบอกว่ามันเป็นเพราะ หยุดกิน “นูเทลล่า” ไม่ได้ … 

 

นี่คือเรื่องจริงที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ คาสซาโน เท่านั้น ยังมีนักกีฬาระดับโลกอีกมากมายที่ติดซอสช็อคโกแลตที่มีชื่อว่า “นูเทลล่า” จนมีปัญหากับอาชีพ … ทำไมถึงหยุดไม่ได้ แล้วทำไม นูเทลล่า จึงสุดยอดนักในแง่ของความอร่อย ติดตามได้ที่นี่

 

อร่อยเทพตั้งแต่ยุคนโปเลียน

 

ก่อนจะพูดถึงคนที่พังเพราะเจ้าช็อคโกแลตผสมเฮเซลนัท เราคงต้องย้อนเวลาไปดูต้นตอของสุดยอดไอเท็มความอร่อยขั้นเทพกันก่อน ซึ่งหากจะย้อนไปจริง ๆ มันเริ่มตั้งแต่ 200 กว่าปีก่อน สมัยปี 1806 ที่ นโปเลียน กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส พยายามจะหยุดการค้าของอังกฤษเพื่อเป็นทางอ้อมในการเอาชนะสงคราม ซึ่งการปิดการค้าของอังกฤษนั้นได้ส่งผลให้กับสินค้าบางประเภทขาดตลาดเป็นอย่างมาก และหนึ่งในนั้นคือ “ช็อคโกแลต” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากผลโกโก้อีกที 

การขาดช็อคโกแลตทำให้หลายประเทศโอดโอย แต่ไม่ใช่ที่ อิตาลี เหล่าพ่อครัวอาหารทั้งคาวและหวานของที่นี่จัดว่าเป็นยอดฝีมืออยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงแก้ปัญหาได้อย่างง่าย ๆ “ช็อคโกแลตแพงแล้วไง ก็เพิ่มอย่างอื่นใส่แทนเข้าไปสิ” ซึ่งหวยก็มาออกที่เจ้า เฮเซลนัท (ถั่วชนิดหนึ่ง) ที่ได้รับการทดลองจนรับรู้ทั่วกันว่ารสชาติอร่อยสุดยอด ไม่แพ้ช็อคโกแลต 100% แถมได้รสสัมผัสที่แตกต่าง ตามภาษานักกินที่พูดกันว่า “มีรสชาติหลายเลเยอร์” มากกว่าเดิม การผสมระหว่างช็อคโกแลตกับเฮเซลนัทนั้นถูกเรียกว่า  “Gianduia”

นั่นคือต้นแบบของ นูเทลล่า อย่างแท้จริง ชาวอิตาลีใช้โมเดลนี้อีกครั้งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ในอีกกว่า 100 ปีต่อมา ตอนนั้น ปิเอโตร เฟอร์เรโร่ ช่างทำขนมชาวอิตาเลี่ยน เริ่มนำวิธีผลิตช็อคโกแลตแบบยุคปี 1800s มาใช้อีกครั้ง และเขาทำมันจริงจังพร้อมกับสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา นั่นแหละ นูเทลล่า จึงถือกำเนิดขึ้นมา